การเปลี่ยนแปลงข้อมูลเครื่องหมายการค้าทางทะเบียนภายหลังใช้เป็นหลักประกัน
ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 2)
พ.ศ.2543 มาตรา 52 บัญญัติว่า เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว อาจขอให้นายทะเบียนแก้ไข
เปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียนได้เฉพาะในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ยกเลิกรายการสินค้าบางอย่างที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว
(2) ชื่อ สัญชาติ ที่อยู่ และอาชีพของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น และของตัวแทน ถ้ามี
(3) สำนักงานหรือสถานที่ที่นายทะเบียนสามารถติดต่อได้
(4) รายการอื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งกฎกระทรวง (พ.ศ.2535) ข้อ 34 กำหนดให้เจ้าของ
เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว อาจขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียนได้ในเรื่องดังต่อไปนี้
ก. ยกเลิกตัวแทน
ข. ตั้งหรือเปลี่ยนตัวแทน
ค. สัญชาติ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า
แต่เมื่อนำเครื่องหมายการค้าใช้เป็นหลักประกันต่อสถาบันการเงินหรือธนาคารแล้ว ต่อมาภายหลังขอแก้ไขรายการ
ทางทะเบียน กรณีนี้ตามประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง การยื่นคำบันทึกข้อมูลการนำทรัพย์สินทางปัญญาเป็น
หลักประกัน และการสิ้นสุดการเป็นหลักประกัน ประกาศ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2546 ข้อ 10 กำหนดว่า หากผู้
ประกอบการยื่นคำหรือคำร้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นหลักประกัน
โดยผิดเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญา และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามคำสั่งศาล หรือการรับมรดก
สิทธิ ให้เจ้าหน้าที่ระงับการพิจารณาและมีหนังสือแจ้งให้สถาบันการเงินทราบภายในสองวันนับแต่วันที่ได้
รับคำขอหรือคำร้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียน
ดังนั้น ในการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ใช้เป็นหลักประกัน โดยผิดเงื่อนไขที่ระบุ
ไว้ในสัญญา นายทะเบียนจะต้องรอการพิจารณาไว้ก่อน และแจ้งไปยังสถาบันการเงินเพื่อให้ความยินยอม
อะไรคือการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนโดยผิดเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องไปดูเงื่อนไขในแบบ
คำขอบันทึกการเป็นหลักประกันตามแบบ ทปท.01 หน้าที่ 2 ซึ่งเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้ระบุไว้ แต่ถ้าไม่มีการระบุ
ไว้ผู้เขียนเห็นว่า ถ้าเป็นการแก้ไขรายการทางทะเบียนเล็กน้อย เช่น แก้ไขที่อยู่ของเจ้าของ หรือตั้งตัวแทนใหม่ หรือ
แก้ไขที่อยู่ของตัวแทน หรือแก้ไขสถานที่ที่ให้นายทะเบียนสามารถติดต่อถึงได้ในประเทศไทย หรือเจ้าของได้เปลี่ยน
ชื่อตัวหรือชื่อสกุลใหม่แล้ว ผู้เขียนเห็นว่าไม่ทำให้กระทบถึงเครื่องหมายการค้าที่ใช้เป็นหลักประกันต่อสถาบันการเงินนั้น
ส่วนการแก้ไขรายการทางทะเบียนโดยขอยกเลิกรายการสินค้าบางอย่างนั้น ผู้เขียนเห็นว่าอาจทำให้
เครื่องหมายการค้านั้นไม่ได้รับการคุ้มครองถึงสินค้าที่ยกเลิกไป จะเป็นการกระทบแก่สิทธิของเจ้าของ
เครื่องหมายการค้าที่จะได้รับการคุ้มครองถึงรายการสินค้านั้น ๆ กรณีนี้อาจทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินได้รับ
ความเสียหาย ซึ่งผู้เขียนจะต้องให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินให้ความยินยอมในการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ
ทะเบียนนี้ด้วย
แต่ถ้าเป็นการยื่นคำร้องขอโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้าให้แก่บุคคลอื่น หรือยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาต
ให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการ ที่ใช้เป็นหลักประกัน กรณีดังกล่าวนี้นายทะเบียนจะต้องแจ้งให้ธนาคารหรือสถานบัน
การเงินนั้นทราบและขอความยินยอม