
งานวิจัยเคลือบเถ้าชานอ้อย
งานวิจัยเคลือบเถ้าชานอ้อย
คำขอสิทธิบัตร เลขที่คำขอ 1401001617 ยื่นคำขอวันที่ 25 มีนาคม 2557
ที่มาของงานวิจัยเคลือบเถ้าชานอ้อย
เถ้าชานอ้อยเป็นวัสดุเหลือทิ้ง จากการเผาไหม้ของชานอ้อยในอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งในแต่ละปีจะมีเถ้าเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลพื้นที่ปลูกอ้อยรวมทั้งประเทศประมาณ 8.4 ล้านไร่ คิดเป็นปริมาณอ้อยส่งเข้าหีบประมาณ 95.4 ล้านตัน ชานอ้อยที่เหลือจากการหีบ จะนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานผลิตน้ำตาล ซึ่งหากใช้ชานอ้อยทั้งหมดในการเป็นเชื้อเพลิง จะเหลือของเหลือทิ้งที่เป็นเถ้าชานอ้อยประมาณ 596,000 ตันต่อปี
เถ้าชานอ้อยมีองค์ประกอบเหมาะสมสำหรับใช้เป็นวัสดุทำเคลือบเซรามิก เนื่องจากมีปริมาณซิลิกาอยู่มากสามารถใช้แทนฟลิ้นต์ หรือควอซ์ได้ และยังมีโลหะออกไซด์ เช่น เหล็ก โปแตสเซียม แคลเซียม ซึ่งจะช่วยลดการใช้สารเคมีลงได้มาก อีกทั้งเคลือบขี้เถ้าเป็นเคลือบที่เตรียมได้ง่าย ใช้วัตถุดิบเพียงสองหรือสามชนิดเป็นส่วนผสมหลัก และลักษณะของเคลือบที่ได้มีความหลากหลาย มีสีแตกต่างเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับปริมาณโลหะออกไซด์ที่ผสมในเคลือบและวิธีการเผา เช่น สีเหลืองอ่อน เหลืองเข้ม สีส้ม สีเทาอมฟ้า สีเขียวอมฟ้า สีน้ำตาล เป็นเคลือบที่นิยมใช้ในเครื่องเคลือบดินเผาดั้งเดิมประเภทของประดับ เช่น แจกัน ถ้วยชา กระเบื้อง เทอราคอตต้า ภาชนะใส่น้ำ เป็นต้น
นักวิจัยจึงมีแนวคิดในการพัฒนาเคลือบเซรามิกจากเถ้าชานอ้อย เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับโรงงานน้ำตาลหรือชาวไร่อ้อยนอกฤดูการหีบอ้อย ทั้งยังเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
สรุปเทคโนโลยีของงานวิจัยเคลือบเถ้าชานอ้อย
งานวิจัยนี้เป็นการใช้ประโยชน์จากเถ้าชานอ้อยอีกทางหนึ่ง โดยการนำมาผลิตเป็นเคลือบเซรามิกจากเถ้าชานอ้อย โดยการปรับสัดส่วนของส่วนผสมและวิธีการเผา ก็สามารถทำให้ได้ลักษณะของเคลือบที่มีความหลากหลาย มีสีแตกต่างเฉพาะตัว
จุดเด่นของเทคโนโลยีงานวิจัยเคลือบเถ้าชานอ้อย
เคลือบสุกตัวที่อุณหภูมิ 1200 องศาเซลเซียส ใช้เถ้าชานอ้อยในสูตรตั้งแต่ร้อยละ 15 – 65 เคลือบที่ได้มีสีครีม น้ำตาลอ่อน ถึงสีครีมฟ้า และฟ้าแกมม่วง หากต้องการเคลือบด้านสามารถเพิ่มปริมาณเถ้าชานอ้อยเป็นร้อยละ 70 ได้ ผลิตภัณฑ์ที่นำไปเคลือบได้แก่ชุดสปา ชุดขวดแชมพู และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร
ความร่วมมือที่เสาะหา
เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ