งานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

งานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

0ขายโดย

งานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

 

งานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

งานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

 

งานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

คำขอสิทธิบัตร เลขที่คำขอ 1401001617 ยื่นคำขอวันที่ 25 มีนาคม 2557

ที่มาของงานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

คอนกรีตมวลเบาเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้ระบบการผลิตแบบ Autoclaved Aerated Concrete ทำจากส่วนผสมของทราย ซีเมนต์ ปูนขาว ยิปซั่ม น้ำและผงอะลูมิเนียม เนื่องจากมีฟองอากาศที่เป็นรูพรุนอยู่ในเนื้อมากถึงร้อยละ 75 จึงทำให้มีน้ำหนักเบา ฟองอากาศทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน แต่คอนกรีตมวลเบาชนิดนี้ยังไม่สามารถกันความชื้นได้ เมื่อใช้งานไปนานๆ จะดูดความชื้นเข้าไปในตัววัสดุ ซึ่งส่งผลให้เกิดการแตกร้าวและเกิดเชื้อราได้
จึงมีการนำวัสดุเหลือทิ้งจำพวกเศษแก้วมาทำเป็นผลิตภัณฑ์มวลเบาเรียกว่า glass foam มีข้อดี คือ น้ำหนักเบา มีความแข็ง ทนต่อแรงอัดได้ดี กันความร้อน ไม่ติดไฟ ไม่ไวต่อสารเคมีและไม่เป็นพิษ กันแมลงและแบคทีเรีย และกันความชื้น วัสดุมวลเบาจากเศษแก้วมีสมบัติดีกว่าคอนกรีตมวลเบา คือ มีความเป็นฉนวนดีกว่า และไม่ดูดความชื้น แต่การผลิตวัสดุมวลเบาชนิดนี้ใช้เศษแก้วซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง เป็นวัตถุดิบ จึงมีตุ้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำคอนกรีตมวลเบา
เถ้าลอย (fly ash) เป็นผลพลอยได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ ซึ่งเถ้าลิกไนต์จากการเผาไหม้จะเป็นเถ้าลอยประมาณร้อยละ 80 ส่วนหนึ่งถูกนำไปใช้ในงานคอนกรีตเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความแข็งแรง ยังมีเถ้าลอยเหลืออยู่จำนวนมากที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน เถ้าลอยเมื่อได้ความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 1000oC จะเริ่มเกิดฟอง(bubble) มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นและเกิดโครงสร้างพรุนตัว ผลงานวิจัยจึงเป็นการพัฒนาวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย เพื่อให้ได้เทคโนโลยีการทำวัสดุมวลเบาสำหรับใช้เป็นฉนวนกันความร้อน มีน้ำหนักเบา ไม่ดูดความชื้น และมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าการใช้เศษแก้วเพียงอย่างเดียว

 สรุปเทคโนโลยีของงานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

วัสดุมวลเบาจากเถ้าลอยเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่ใช้วัสดุเหลือทิ้งประเภทเถ้าลอยเป็นวัตถุดิบ วัสดุมวลเบาดังกล่าวมีรูพรุนในเนื้อวัสดุ น้ำหนักเบา ไม่ดูดความชื้น ค่าความหนาแน่นระหว่าง 0.5 – 0.8 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ค่าการนำความร้อน 0.12 W/mK วัสดุมวลเบาดังกล่าวสามารถนำไปทำเป็นอิฐก่อผนังเบาสำหรับที่อยู่อาศัย ผนังอาคาร ห้องปฏิบัติการ

จุดเด่นของเทคโนโลยีงานวิจัยวัสดุมวลเบากันความชื้นจากเศษแก้วและเถ้าลอย

งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยต่อยอดจากโครงการวิจัยอิฐมวลเบาจากเศษแก้ว ซึ่งมีผู้สนใจเทคโนโลยีดังกล่าวหลายราย แต่ข้อจำกัดของอิฐมวลเบาจากเศษแก้วคือต้นทุนเศษแก้วที่มีราคาสูงกว่าคอนกรีตมวลเบา นักวิจัยจึงลดปัญหาการใช้เศษแก้วด้วยการเติมเถ้าลอยซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้ง เพื่อลดต้นทุนการผลิต วัสดุใหม่ที่ผลิตได้ยังคงมีสมบัติดีเช่นเดิม คือมีความพรุนตัวสูง น้ำหนักเบา รูพรุนในเนื้อวัสดุเป็นรูพรุนแบบปิด จึงไม่ดูดความชื้น กันเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียและเป็นฉนวนกั้นเสียงและความร้อนอย่างดี

ความร่วมมือที่เสาะหา

เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ

ข้อมูลติดต่อสอบถามงานวิจัย
ชื่อ นาย อดิเรก ล้อมวงษ์
อีเมล business_noom@hotmail.com
Facebook www.facebook.com/copy8
line Copyri.com

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

Translate »