กรมทรัพย์สินทางปัญญาผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตรเดินหน้าป้องปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั่วไทย
ปกป้องคนไทยจากพิษภัยของการใช้สินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน กรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยกองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ประสานความร่วมมือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หน่วยงานท้องถิ่น และ ภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ
ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบและเฝ้าระวังการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในย่านการค้าสำคัญทั่วประเทศไทย รองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ส่งเสริมบรรยากาศทางการค้า สร้างความมั่นใจแก่ผู้ค้าและนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับภารกิจ ด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรูปแบบ ผ่านการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบาย ทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญา ทำหน้าที่ขับเคลื่อนภารกิจและบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปราม
การละเมิดฯ ในทุกช่องทางให้เกิดประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม นายวุฒิไกร กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กรมฯ ร่วมกับ กองบังคับการปราบปราม
การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด นำภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบ และปราบปรามการจำหน่ายสินค้าละเมิดฯ ในพื้นที่ย่านการค้าต่างๆ
ทั่วประเทศ ได้แก่
1) พื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีตัวแทนเจ้าของสิทธิเครื่องหมายการค้า Louis Vuittonและ CHANEL ร่วมลงตรวจพื้นที่ย่านการค้าคลองถม สะพานเหล็ก บ้านหม้อ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ร้านค้าริมถนนสุขุมวิท ซอย 3-19 สีลม และพัฒน์พงศ์
2) พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์การค้าคอมพิวเตอร์ พลาซ่า ศูนย์การค้าไอคอน ตลาดไนท์พลาซ่า และตลาดรินค า
3) พื้นที่ภาคใต้(จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สงขลา กระบี่ ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี) ย่านการค้าตลาดชาวประมง ตลาดกิมหยง ร้านค้าริมหาดเฉวง หาดอ่าวนาง หาดกะรน หาดกะตะ หาดป่าตอง หัวหินไนท์มาร์เก็ต
4) พื้นที่จังหวัดชลบุรีย่านการค้าบริเวณหาดพัทยา ตลาดนัด จตุจักรชลบุรี ศูนย์การค้าคอมพิวเตอร์พลาซ่า โดยเจ้าหน้าที่ได้แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการน าสินค้ามาจำหน่าย อย่างถูกต้อง
และส่งเสริมความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เพื่อสร้างแรงจูงใจในการนำ ทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์พร้อมป้องกันปัญหาการจำหน่ายละเมิดฯ
ซึ่งการจำหน่ายสินค้า ปลอมเครื่องหมายการค้า มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ปรับสูงสุด 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจำหน่าย สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี
หรือปรับสูงสุด 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ