บล็อกเชนสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่

บล็อกเชนสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่
1.ระบบการจดทะเบียน
การจดทะเบียนในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังคงใช้ระบบเอกสารในการแสดงความเป็นเจ้าของใน ทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น โฉนดที่ดิน แต่เมื่อนําเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วย จะสามารถเก็บข้อมูล การจดทะเบียนต่าง ๆ บนฐานข้อมูลสาธารณะได้ในระบบดิจิทัล ไม่เพียงแต่ช่วยให้ตรวจสอบง่าย ขึ้นว่าใครเป็นเจ้าของในทรัพย์สินนั้น แต่ยังช่วยให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนทรัพย์สินที่จดทะเบียน นั้นง่ายขึ้นอีกด้วย เนื่องจากข้อมูลจดทะเบียนที่ถูกเก็บบนเครือข่ายบล็อกเชนนั้นเป็นข้อมูลที่มี ความถูกต้องสูง เพราะได้รับการยืนยันจากคนส่วนใหญ่บนเครือข่ายแล้ว ซึ่งสามารถแสดงได้ว่า ใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์สินนั้น เมื่อต้องการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันก็สามารถดําเนินการ ได้เลยบนเครือข่ายบล็อกเชน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของในทรัพย์สินแล้ว ข้อมูลเจ้าของใหม่ก็ จะถูกทําสําเนาและเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์เครือข่ายเพื่อเป็นการอัพเดตข้อมูลของทุกคนในเครือ ข่ายให้ตรงกัน โดยไม่จําเป็นต้องใช้เอกสารใด ๆ ระบบการจดทะเบียนบนเครือข่ายบล็อกเชนนี้จะ เป็นประโยชน์ต่อการจดทะเบียนทั่วไปเพื่อยืนยันสิทธิ์ในทรัพย์สิน และการจดทะเบียนทรัพย์สินที่ สามารถโอนย้ายกรรมสิทธิ์ได้ เช่น สิทธิในที่ดิน ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
2.ระบบการตรวจสอบตัวตน
ระบบการตรวจสอบตัวตนบนเครือข่ายบล็อกเชน เป็นการเก็บข้อมูลโดยฉพาะข้อมูลส่วน บุคคล ที่จําเป็นต้องใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่ออ้างสิทธิ์หรือทําธุรกรรมต่าง ๆ โดยการยืนยันผ่าน ระบบบล็อกเชนนี้สามารถทําได้โดยการใช้ระบบกุญแจคู่ หรือระบบการยืนยันตัวตนอื่น ๆ เพื่อให้ เจ้าของข้อมูลใช้กุญแจส่วนตัวปลดล็อคการเข้าถึงข้อมูลที่เก็บไว้บนระบบบล็อกเชน ซึ่งระบบการ ยืนยันตัวตนนี้สามารถช่วยป้องกันการโจรกรรมข้อมูล การปลอมแปลงตัวตนอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังทําให้ระบบการยืนยันตัวตนเพื่อยืนยันสิทธิ์ง่ายขึ้น เช่น ในการเลือกตั้ง เป็นต้น
3.การสร้าง Smart contract
เมื่อข้อมูลกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่าง ๆ ถูกเก็บบนเครือข่ายบล็อกเชนแล้ว มีการซื้อขาย แลกเปลี่ยนที่ง่ายขึ้น อีกส่วนที่สําคัญคือการทําสัญญา โดยระบบบล็อกเชนสามารถสร้างสัญญาใน รูปแบบ Smart Contract ที่เป็นการเก็บข้อมูลในรูปแบบเงื่อนไขหรือข้อตกลงตามที่ต้องการทํา สัญญา ในรูปแบบรหัสทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งหากมีคําสั่งที่ตรงตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ตามสัญญา ระบบ จะดําเนินการทําธุรกรรมตามข้อตกลงอย่างอัตโนมัติ ซึ่งการดําเนินการตั้งแต่การตั้งเงื่อนไขและ การดําเนินการทําธุรกรรมตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ไม่จําเป็นต้องใช้ตัวกลางหรือพยานรับรู้ เพราะการ เก็บข้อมูลดังกล่าวบนเครือข่ายบล็อกเชนเป็นการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์อยู่แล้ว ซึ่งทุกคนใน เครือข่ายรับรู้ถึงข้อมูลดังกล่าว ระบบ Smart Contract ของบล็อกเชนนี้สามารถนําไปใช้ได้กับ หลากหลายการใช้งานไม่ว่าจะเป็น การชําระเงินสินค้าที่ต้องขนส่ง การชําระค่าเช่า เป็นต้น
4.ระบบการจ่ายเงิน
ระบบการจ่ายเงินเป็นอีกหนึ่งการใช้งานที่สามารถเห็นได้ชัดเจนจากการแลกเปลี่ยนสกุล เงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่าเหรียญโทเคน (token) โดยระบบบล็อกเชนทําหน้าที่เก็บข้อมูลรายการ เดินบัญชี ที่ผ่านการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในเครือข่ายแล้ว โดยการใช้ระบบการจ่ายเงินที่มีพื้น ฐานจากเครือข่ายบล็อกเชนสามารถลดระยะเวลาการทํารายการและลดค่าใช้จ่ายได้มาก เมื่อเทียบ กับการทําธุรกรรมผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร

Cr กรมทรัพย์สินทางปัญญา

Translate »