การเปลี่ยนชื่อนิติบุคคลภายหลังการมอบอำนาจเครื่องหมายการค้า

 

การเปลี่ยนชื่อนิติบุคคลภายหลังการมอบอำนาจเครื่องหมายการค้า

บริษัทเอกชนที่จัดตั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งจัดตั้งตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด ย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิและความรับผิดของบริษัทเดิมทั้งหมดตามกฎหมาย ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้อง จึงไม่ต้องแจ้งให้ลูกหนี้ทราบถึงการจดทะเบียนแปรสภาพ และไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้

ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ถ้าเดิมยื่นคำขอจดทะเบียนในนามนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ต่อมาได้มีการควบนิติบุคคล หรือได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในภายหลังโดยนิติบุคคลนั้นเองแล้ว เพียงแต่ยื่นคำร้องขอแก้ไขนิติฐานะ7 ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้

เมื่อนิติบุคคลได้มอบอำนาจไปแล้ว ต่อมามีการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อนิติบุคคลนั้นใหม่ หนังสือมอบ อำนาจที่ได้กระทำไปแล้วนั้น ยังมีผลสมบูรณ์ผูกพันนิติบุคคลโดยไม่ต้องเปลี่ยนหนังสือมอบอำนาจกันใหม่อีก แต่ในการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น นายทะเบียนจะสั่งให้ส่งหนังสือมอบอำนาจใหม่ให้ระบุชื่อผู้มอบ อำนาจให้ตรงกับหนังสือรับรองนิติบุคคลที่แนบประกอบการจดทะเบียนทุกครั้งไป ยกเว้นผู้มอบ อำนาจจะยืนยันให้ใช้หนังสือมอบอำนาจที่ระบุชื่อเดิมนั้น

คำพิพากษาฎีกาที่ 9513/2539 แม้ขณะฟ้องโจทก์ได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัท อ. เป็นบริษัท ท. แล้วก็ตาม แต่การที่โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลเปลี่ยนชื่อใหม่เช่นนั้น ก็ไม่ทำให้ความเป็นนิติบุคคลของโจทก์สิ้นสุดลง โจทก์ยังคงเป็นนิติบุคคลมีตัวตนอยู่เช่นเดิมต่อไป และไม่ว่าโจทก์จะทำนิติกรรมในชื่อเดิมหรือชื่อที่เปลี่ยนใหม่แล้วก็ตาม ก็เป็นการทำนิติกรรมโดยนิติบุคคลคนเดียวกันนั้นเอง การทำนิติกรรมในชื่อเดิมของโจทก์หลังจากที่โจทก์ได้เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วไม่มีผลให้เป็นการทำนิติกรรมโดยสิ่งที่ไม่มีตัวตนเป็นนิติบุคคล ดังนั้นแม้การมอบอำนาจให้ฟ้องและดำเนินคดีนี้แทนโจทก์เป็นการมอบอำนาจภายหลังจากที่โจทก์ได้เปลี่ยนใหม่เป็นบริษัท ท.แล้ว โจทก์ก็ยังมอบอำนาจในชื่อเดิมของโจทก์ได้

ในการมอบอำนาจที่ทำขึ้นในต่างประเทศนั้น มักเกิดปัญหาขึ้นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งผู้เขียนจะได้กล่าวถึงในตอนต่อไป

CR กรมทรัพย์สินทางปัญญา

 

Translate »